“ข้าวไรซ์เบอร์รี่” ต้านสารพัดโรคร้าย คุณประโยชน์ที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณ
หากจะพูดถึงข้าวที่ให้คุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน 3 อันดับแรกย่อมต้องมีชื่อของข้าวไรซ์เบอร์รี่อย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และรสชาติยังหอมมัน ให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม วันนี้เบญจรงค์จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ว่ามีต้นกำเนิดและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขนาดไหน
“ข้าวไรซ์เบอร์รี่” เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ข้าวเจ้าหอมนิล ซึ่งเป็นสายพันธุ์พ่อผสมกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งเป็นสายพันธุ์แม่ มีลักษณะเรียวยาว ผิวมันวาว มีสีม่วงเข้มคล้ายกับลูกเบอร์รี่สีม่วงตอนสุก หากเป็นข้าวกล้องจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากผ่านการขัดสีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น จึงยังทำให้คงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน
ที่สำคัญคือข้าวไรซ์เบอร์รี่มีส่วนประกอบของ “สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)” ซึ่งก็คือรงค์วัตถุหรือสารสี สามารถละลายน้ำได้ดี และจัดอยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์ (flavonoid) หรือ “สารต้านอนุมูลอิสระ” ที่มีประสิทธิภาพสูง แปลเป็นภาษาเราให้เข้าใจแบบง่ายๆ ว่า สีม่วงเข้มของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง สำหรับประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวไรซ์เบอร์รี่ อยู่ที่ 229 - 304.7 umole/g การศึกษานี้ทำด้วยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) เรียกได้ว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลไม้หรือเครื่องดื่มชาเขียวที่ได้รับการยกย่องในด้านสรรพคุณที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว ในข้าวชนิดนี้มีคุณค่าในการป้องกันสูงมากเกือบ 100 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่เหมาะกับใครบ้าง?
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพ เพราะถือได้ว่าเป็นข้าวที่มีสารอาหารและคุณประโยชน์สูง ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือด ชะลอความแก่ บำรุงสายตาและระบบประสาท ช่วยควบคุมน้ำตาลและน้ำหนัก เนื่องจากในข้าวสายพันธุ์นี้มีดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่าข้าวทั่วไป
นอกจากนั้น ข้าวไรซ์เบอร์รี่คือซุปเปอร์ฟู้ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูง หากรับประทานแทนข้าวขาวเป็นประจำ โดยเฉพาะข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ที่มีเส้นใย จะช่วยลดระดับไขมันและคอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำหนัก รักษาระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ เป็นไอเทมที่คนรักสุขภาพยอมรับกันทั่วโลกที่ทางเบญจรงค์ขอแนะนำเพื่อสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก
หากจะพูดถึงข้าวที่ให้คุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน 3 อันดับแรกย่อมต้องมีชื่อของข้าวไรซ์เบอร์รี่อย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และรสชาติยังหอมมัน ให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม วันนี้เบญจรงค์จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ว่ามีต้นกำเนิดและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขนาดไหน
“ข้าวไรซ์เบอร์รี่” เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ข้าวเจ้าหอมนิล ซึ่งเป็นสายพันธุ์พ่อผสมกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งเป็นสายพันธุ์แม่ มีลักษณะเรียวยาว ผิวมันวาว มีสีม่วงเข้มคล้ายกับลูกเบอร์รี่สีม่วงตอนสุก หากเป็นข้าวกล้องจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากผ่านการขัดสีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น จึงยังทำให้คงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน
ที่สำคัญคือข้าวไรซ์เบอร์รี่มีส่วนประกอบของ “สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin)” ซึ่งก็คือรงค์วัตถุหรือสารสี สามารถละลายน้ำได้ดี และจัดอยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์ (flavonoid) หรือ “สารต้านอนุมูลอิสระ” ที่มีประสิทธิภาพสูง แปลเป็นภาษาเราให้เข้าใจแบบง่ายๆ ว่า สีม่วงเข้มของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง สำหรับประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวไรซ์เบอร์รี่ อยู่ที่ 229 - 304.7 umole/g การศึกษานี้ทำด้วยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) เรียกได้ว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลไม้หรือเครื่องดื่มชาเขียวที่ได้รับการยกย่องในด้านสรรพคุณที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว ในข้าวชนิดนี้มีคุณค่าในการป้องกันสูงมากเกือบ 100 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่เหมาะกับใครบ้าง?
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพ เพราะถือได้ว่าเป็นข้าวที่มีสารอาหารและคุณประโยชน์สูง ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือด ชะลอความแก่ บำรุงสายตาและระบบประสาท ช่วยควบคุมน้ำตาลและน้ำหนัก เนื่องจากในข้าวสายพันธุ์นี้มีดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่าข้าวทั่วไป
นอกจากนั้น ข้าวไรซ์เบอร์รี่คือซุปเปอร์ฟู้ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูง หากรับประทานแทนข้าวขาวเป็นประจำ โดยเฉพาะข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ที่มีเส้นใย จะช่วยลดระดับไขมันและคอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำหนัก รักษาระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ เป็นไอเทมที่คนรักสุขภาพยอมรับกันทั่วโลกที่ทางเบญจรงค์ขอแนะนำเพื่อสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก